ภาพยนต์ฝรั่งแนวระทึกขวัญ เมื่อเมื่อกลุ่มโจรกรรมต้องการที่จะปล้นรถไฟ โดยการจับตัวผู้โดยสารเรียกค่าไถ่ งานนี้ วอลเตอร์ การ์เบอร์ รับบทโดย เดนเซล วอชิงตัน ผู้ควบคุมรถไฟต้องหาแนวทางทั้งการเดินรถไฟ และช่วยผู้โดยสารทั้งหมดให้ได้ โดยไม่ให้มีสูญเสีย

เรื่องกับหนังทริลเลอร์ชั้นดีอีกเรื่องหนึ่งที่เสียตอนจบเพราะง่ายไปหน่อย ทว่าการเริ่มเรื่องตลอดจนกลางเรื่องคือความสนุกที่ระทึกใจไม่ใช่น้อยเพราะแนวๆนี้เป็นของถนัดของผู้กำกับ Tony Scott อยู่แล้วในการสร้างสถานการณ์ให้ออกมาดูซีเรียสเป็นหลัก โดยตัวหนังน่าจะป็นการรีเมคจากของเก่าเมื่อปี 1974 โดยเนื้อเรื่องเกิดขึ้นจากกลุ่มคนร้ายจี้รถไฟใต้ดินแห่งนครนิวยอร์ก สายเพแลห์ม 123 ซึ่งมีเพียงวอลเทอร์ การ์เบอร์ (Denzel Washington) พนักงานการรถไฟที่พบสถานการณ์จับตัวประกันที่รู้ตัวก่อนใครเพื่อนและมีการเจรจาจากไรเดอร์ (John Travolta) หนึ่งในนั้นได้เรียกข้อเสนอค่าไถ่ด้วยเงินสดจำนวนมหาศาลให้จ่ายเงินมาภายในเวลา 15.15 น. มิเช่นนั้นจะฆ่าคนหนึ่งต่อนาทีหนึ่งที่หายไป ก็สั้นๆกระชับใจความทั้งหมดเนื้อเรื่องก็มีอยู่แค่เท่าที่บอกคือมาจี้ตามด้วยเรียกค่าไถ่ ไม่มีอะไรมากสำหรับพล็อตเรื่องเช่นนี้ที่นอกจากทั้งหมดจะมัดอยู่กับที่เพื่อสร้างแรงกดดันแล้วก็หาความแตกต่างอะไรเลย แต่เหมือนการยังอยู่กับที่จะกลายเป็นความลุ้นของเรื่องนี้มิใช่น้อยที่ดุเดือดเผ็ดดุเรียบเรียงได้อย่างว่องไวจนลืมไปเลยว่าความเก่าของหนังยังคงสดทางอารมณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
พล็อตเรื่องจัดว่าซ้ำซากจำเจอยู่มากแต่ด้วยความที่ว่าใช้ได้ทุกสถานการณ์จึงช่วยเพิ่มความเข้มข้นของเรื่องได้ อย่างที่เห็นเป็นรถไฟสายใต้ดินที่มากผู้คนจากการโดยสารไม่ว่างเว้นแต่กลับลงมือคุมสถานการณ์ได้อยู่มัดทั้งที่มีกันแค่ 4 คนโดยหนึ่งหัวหน้า หนึ่งคิดแผน และอีกสองคุมตัวประกันเท่านั้น เป็นการบ่งบอกถึงเตรียมแผนมาดีโดยแบ่งตัวรถไฟให้เหลือแค่ส่วนหัวในขณะที่ส่วนต่อท้ายหลังจากนั้นก็ปลดล็อคให้ไหลย้อนกลับไปที่สถานีเพื่อเลี่ยงคนเยอะที่วุ่นวายแต่คนน้อยเอาอยู่ดีกว่า อันนี้ต้องบอกว่าชอบที่บทเขียนมาได้ดีในเรื่องความรอบคอบการคิดของตัวละครที่แทบจะไม่โชว์ความงี่เง่าหรือเสียสติหลุดโลกออกมาเลย ยิ่งกับฝ่ายตัวร้ายแทนที่จะรู้สึกกดดันบ้างเพราะเป็นเป้าได้ง่ายจากตำรวจที่มารายล้อมยากต่อการหนีได้ทันทีก็กลายเป็นฝ่ายคุมเกมส์ได้อย่างแยบยลจากการใช้ตัวประกันมาขู่ เหมือนจะแค่ขู่ให้กลัวตามหนังปกติแบบลุ้นเสียวๆเอาเป็นน้ำจิ้มแค่นั้นซะเมื่อไหร่เมื่อไรเดอร์ผู้เป็นตัวร้ายหลักของเรื่องดันเป็นคนเอาจริงเอาจัง หลอกล่อก็ไม่ได้ แถมยังเป็นบุคคลที่น่ากลัวและน่าเกรงขามไปในตัวอีกต่างหาก เรื่องนี้ต้องยกฝีมือให้ John Travolta ด้วยแหละที่จัดหนักจัดซีเรียสออกมาได้ดุเดือดเข้ากับสไตล์หนังทำให้คาแรกเตอร์ตัวละครบอกมาสมจริง เข้มข้น และเท่

น่าเสียดายที่บรรดาคนร้ายทั้งสี่ดันมีแค่ตัวละครเดียวที่น่าจดจำในขณะที่อีกสามบทก็น้อยและยังขาดจุดเด่นอีกด้วย ทำให้การเล่าเรื่องยิ่งนานเท่าไหร่คนดูก็เริ่มจะมองข้ามจนปล่อยปละให้หายไปเลยก็ได้เพราะสุดท้ายแล้วจนกระทั่งหนังจบก็ไม่มีอะไรนอกจากตัวประกอบที่เพิ่มเข้ามาให้ดูมีน้ำหนักแต่ขาดมิติที่จะบอกกล่าวถึงการเข้าร่วมการจี้ตัวประกันครั้งนี้ จะมีก็ฟิล ราโมน (Luis Guzman) ที่เคยมีประวัติฆ่าคนจากเหตุรถไฟอะไรสักอย่างทำให้จำคุกไปนานจนออกมาพร้อมกับแผนดังกล่าว ฟังเหมือนคนต้นคิดแต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นหัวหน้าซะเมื่อไหร่เพราะแผนทั้งหมดมาจากไรเดอร์คนเดียวที่รวมยอดเบ็ดเสร็จทุกอย่างตั้งแต่การเรียกค่าไถ่ตลอดจนเรื่องหุ้นที่คงมีแต่เขาคนเดียวที่เข้าใจ จะว่าตัวหนังยังขาดสิ่งหนึ่งที่จำเป็นอยู่อย่างคือเหตุผลที่ทำไปเพื่ออะไรจับตัวประกันทำไม มาๆเริ่มลงมือจัดการเข้ารถไฟดำเนินตามแผนอย่างเป็นขั้นตอนชนิดไม่รีรอเกริ่นตัวละครให้ฟังกันสักนิดเว้นแต่กับวอลเทอร์ที่เริ่มด้วยชีวิตครอบครัวออกไปทำงานเช่นประจำ บางทียังสงสัยเลยว่าชีวิตที่แตกต่างของทั้งสองคือสิ่งที่หนังกำลังบอกใช่ไหมว่าเราไม่เหมือนกัน อีกคนมีครอบครัวรอคอยอยู่ที่บ้านหลังหลังจากทำงานเสร็จ ในขณะที่อีกคนคือชายผู้มีเบื้องหลังในใจและกำลังทำบางอย่างให้เสร็จ
