Tag Archives: รีวิวหนัง

เรื่องย่อ Life Of Pi (ชีวิตอัศจรรย์ของพาย) “พายหนุ่มจากอินเดีย”

Life Of Pi (ชีวิตอัศจรรย์ของพาย) เล่าถึงเรื่อวราวชีวิตของพายหนุ่มที่ดินเดีย ชีวิตเขาเหมือนจะเรียบง่ายไม่มีอะไร แต่ใครจะรู้การท่องไปในมหาสมุทรแสนไกลอาจจะทำให้เขาเจออะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดาก็ได้ บอกได้เลยว่าน่าติดตามมาก เป็นหนังที่ดีทั้งภาพ CG สวยอีกหนึ่งเรื่องที่อยากแนะนำเลย เรื่องนี้ได้สร้างมาจากหนังสือชื่อดังของ Yann Martel ที่ได้เล่าถึงเหตุการณ์ของ พาย เด็กหนุ่มจากอินเดีย และเรือที่ล่มกลางทะเล ขณะเคลื่อนย้ายสัตว์จากสวนสัตว์ โดยเรื่องราวชีวิตของ พาย เสือ และพระเจ้า ได้เข้ามารวมอยู่ด้วยกัน บนเรือสำรองเพียงหนึ่งลำ เป็นเวลา 227 วัน หนังเรื่องนี้จะออกแนวปรัชญานิดๆก็ว่าได้ ซึ่งหนังก็ไม่ได้บอกว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หรือว่าเป็นความเชื่อ ที่ให้เราต้องไปตัดสินกันเอาเอง ความเข้มข้นของเรื่องที่เป็นจุดเปลี่ยนนั้นจะเริ่มตั้งแต่ตอนที่พ่อของพายตัดสินใจที่จะขายสวนสัตว์และสัตว์ของเขาทั้งหมดเพื่อไปเริ่มชีวิตใหม่ที่แคนนาดา พวกเขาต้องเดินทางด้วยเรือขนส่งขนาดใหญ่พร้อมกับบรรดาสัตว์เหล่านั้น แต่ระหว่างทางเกิดมีคลื่นลมพายุจนเป็นเหตุให้เรืออับปางและพายต้องหนีลงเรือเล็ก รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่กำลังลอยเคว้งอยู่กลางทะเลบนเรือชูชีพ แต่ที่พีคไปกว่านั้นคือการที่พบว่าเขาไม่ได้กำลังเคว้งคว้างอยู่เพียงลำพัง แต่ต้องเอาชีวิตรอดกลางทะเลไปพร้อม ๆ กับ “ริชาร์ด ปาร์คเกอร์” เสือเบงกอลที่หนีจากกรงมาได้ตอนเรืออับปางนั่นเองครับ เหตุการณ์หลังจากนั้นพายได้ทำอะไรบ้างถึงสามารถเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ได้และมันเปลี่ยนชีวิตเขาไปอย่างไร สิ่งที่ผมประทับใจที่สุดในหนังเรื่องนี้ก็คงจะไม่พ้นประเด็นหลักของเรื่องที่ปูมาตั้งแต่ตอนต้นไปจนบทสรุปที่น่าเก็บมาขบคิดว่าท้ายที่สุดคนเราก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าเรื่องไหนเป็นความจริงหรือโกหก เราแค่เชื่อในสิ่งที่เราอยากจะเชื่อเท่านั้นเอง ซึ่งแน่นอนว่าพอหนังให้บทสรุปแนวนี้มาก็คงต้องขึ้นอยู่กับคนดูอย่างเราแล้วล่ะครับว่าจะคิดหรือตีความไปในทางไหน และเลือกที่จะให้อะไรเป็นเรื่องจริงบ้าง เอาเป็นว่าถ้าหากใครกำลังมองหาหนังที่ให้แง่คิดดี ๆ มีประเด็นที่น่าสนใจให้ได้วิเคราะห์และคิดตาม รวมถึงใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นในโลกแห่งจินตนาการอันสวยงามของท้องทะเล

รีวิว THE TAKING OF PELHAM 123 : ปล้นนรก รถด่วนขบวน 123

ภาพยนต์ฝรั่งแนวระทึกขวัญ เมื่อเมื่อกลุ่มโจรกรรมต้องการที่จะปล้นรถไฟ โดยการจับตัวผู้โดยสารเรียกค่าไถ่ งานนี้ วอลเตอร์ การ์เบอร์ รับบทโดย เดนเซล วอชิงตัน ผู้ควบคุมรถไฟต้องหาแนวทางทั้งการเดินรถไฟ และช่วยผู้โดยสารทั้งหมดให้ได้ โดยไม่ให้มีสูญเสีย เรื่องกับหนังทริลเลอร์ชั้นดีอีกเรื่องหนึ่งที่เสียตอนจบเพราะง่ายไปหน่อย ทว่าการเริ่มเรื่องตลอดจนกลางเรื่องคือความสนุกที่ระทึกใจไม่ใช่น้อยเพราะแนวๆนี้เป็นของถนัดของผู้กำกับ Tony Scott อยู่แล้วในการสร้างสถานการณ์ให้ออกมาดูซีเรียสเป็นหลัก โดยตัวหนังน่าจะป็นการรีเมคจากของเก่าเมื่อปี 1974 โดยเนื้อเรื่องเกิดขึ้นจากกลุ่มคนร้ายจี้รถไฟใต้ดินแห่งนครนิวยอร์ก สายเพแลห์ม 123 ซึ่งมีเพียงวอลเทอร์ การ์เบอร์ (Denzel Washington) พนักงานการรถไฟที่พบสถานการณ์จับตัวประกันที่รู้ตัวก่อนใครเพื่อนและมีการเจรจาจากไรเดอร์ (John Travolta) หนึ่งในนั้นได้เรียกข้อเสนอค่าไถ่ด้วยเงินสดจำนวนมหาศาลให้จ่ายเงินมาภายในเวลา 15.15 น. มิเช่นนั้นจะฆ่าคนหนึ่งต่อนาทีหนึ่งที่หายไป ก็สั้นๆกระชับใจความทั้งหมดเนื้อเรื่องก็มีอยู่แค่เท่าที่บอกคือมาจี้ตามด้วยเรียกค่าไถ่ ไม่มีอะไรมากสำหรับพล็อตเรื่องเช่นนี้ที่นอกจากทั้งหมดจะมัดอยู่กับที่เพื่อสร้างแรงกดดันแล้วก็หาความแตกต่างอะไรเลย แต่เหมือนการยังอยู่กับที่จะกลายเป็นความลุ้นของเรื่องนี้มิใช่น้อยที่ดุเดือดเผ็ดดุเรียบเรียงได้อย่างว่องไวจนลืมไปเลยว่าความเก่าของหนังยังคงสดทางอารมณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลง พล็อตเรื่องจัดว่าซ้ำซากจำเจอยู่มากแต่ด้วยความที่ว่าใช้ได้ทุกสถานการณ์จึงช่วยเพิ่มความเข้มข้นของเรื่องได้ อย่างที่เห็นเป็นรถไฟสายใต้ดินที่มากผู้คนจากการโดยสารไม่ว่างเว้นแต่กลับลงมือคุมสถานการณ์ได้อยู่มัดทั้งที่มีกันแค่ 4 คนโดยหนึ่งหัวหน้า หนึ่งคิดแผน และอีกสองคุมตัวประกันเท่านั้น เป็นการบ่งบอกถึงเตรียมแผนมาดีโดยแบ่งตัวรถไฟให้เหลือแค่ส่วนหัวในขณะที่ส่วนต่อท้ายหลังจากนั้นก็ปลดล็อคให้ไหลย้อนกลับไปที่สถานีเพื่อเลี่ยงคนเยอะที่วุ่นวายแต่คนน้อยเอาอยู่ดีกว่า อันนี้ต้องบอกว่าชอบที่บทเขียนมาได้ดีในเรื่องความรอบคอบการคิดของตัวละครที่แทบจะไม่โชว์ความงี่เง่าหรือเสียสติหลุดโลกออกมาเลย ยิ่งกับฝ่ายตัวร้ายแทนที่จะรู้สึกกดดันบ้างเพราะเป็นเป้าได้ง่ายจากตำรวจที่มารายล้อมยากต่อการหนีได้ทันทีก็กลายเป็นฝ่ายคุมเกมส์ได้อย่างแยบยลจากการใช้ตัวประกันมาขู่ เหมือนจะแค่ขู่ให้กลัวตามหนังปกติแบบลุ้นเสียวๆเอาเป็นน้ำจิ้มแค่นั้นซะเมื่อไหร่เมื่อไรเดอร์ผู้เป็นตัวร้ายหลักของเรื่องดันเป็นคนเอาจริงเอาจัง หลอกล่อก็ไม่ได้ แถมยังเป็นบุคคลที่น่ากลัวและน่าเกรงขามไปในตัวอีกต่างหาก เรื่องนี้ต้องยกฝีมือให้ John Travolta ด้วยแหละที่จัดหนักจัดซีเรียสออกมาได้ดุเดือดเข้ากับสไตล์หนังทำให้คาแรกเตอร์ตัวละครบอกมาสมจริง เข้มข้น และเท่ น่าเสียดายที่บรรดาคนร้ายทั้งสี่ดันมีแค่ตัวละครเดียวที่น่าจดจำในขณะที่อีกสามบทก็น้อยและยังขาดจุดเด่นอีกด้วย… Read More »